การสำรวจพบว่า 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าความไม่แน่นอนในสภาพแวดล้อมของนโยบายอาจนำไปสู่การลดการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ในแง่ของการค้าที่หยุดชะงักซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ผู้ตอบแบบสอบถาม 30% ที่ได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ทางการค้าที่ลดลงกล่าวว่าพวกเขาจะชะลอหรือยกเลิกการลงทุนในอนาคตในสหรัฐอเมริกา และ 44% ตั้งใจที่จะเพิ่มการลงทุนในภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงเอเชีย ,ยุโรปและอเมริกาใต้ นอกจากนี้ สงครามภาษียังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของจีนในสหรัฐอเมริกาในปี 2020 ทำให้ต้นทุนในการนำเข้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและการจัดหาวัตถุดิบต้นน้ำพุ่งสูงขึ้น การสำรวจพบว่าประมาณ 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่าได้รับผลกระทบในทางลบ และคนอื่นๆ คาดหวังผลกระทบในระยะยาว ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังคงไม่สนใจต่อความสัมพันธ์ทางการค้า พวกเขาสังเกตเห็นคณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) ซึ่งกลั่นกรองการลงทุนจากต่างประเทศ โดยวิพากษ์วิจารณ์องค์กร และเกือบหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าจะส่งผลเสียต่อแผนการลงทุนของพวกเขาในสหรัฐอเมริกา
ด้วยความพยายามอย่างเข้มข้นขึ้นในวอชิงตันในการปราบปรามปักกิ่ง ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นได้กระตุ้นให้ธุรกิจจีนบางแห่งพิจารณาลดและระงับการลงทุนในสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนไปสู่ตลาดอื่น แนวโน้มที่แยกตัวออกจากกันซึ่งผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมกล่าวว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่อยๆ บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทสหรัฐ เนื่องจากฝ่ายบริหารของ Biden กำลังเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อสร้าง “ปลอดจีน” “ห่วงโซ่อุปทานไฮเทค “วอชิงตันสามารถระดมอำนาจทางการเมืองเพิ่มเติมเพื่อบีบบริษัทไฮเทคของจีนออกจากตลาดสหรัฐ นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับบริษัทสหรัฐอาจเผชิญกับอุปสรรคมากกว่าที่เคย” Tian Yun รองผู้อำนวยการของ Beijing Economic Operation Association กล่าว พร้อมแนะนำบริษัทจีนเร่งความพยายามในการกระจายความเสี่ยง
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าสภาพแวดล้อมทางนโยบายที่เป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ จะทำให้บริษัทจีนแข็งแกร่งในขอบเขตสากลในที่สุด เนื่องจากพวกเขากำลังลดรายจ่าย ควบคุมต้นทุน และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ในขณะที่ในฝั่งสหรัฐฯ บริษัทท้องถิ่นได้รับการคุ้มครองอย่างดีที่บ้านและอาจค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่บรรยากาศที่จะขัดขวางการลงทุนของจีนต่อไป และนักวิเคราะห์กล่าวว่าในระยะยาว แนวโน้มจะผลักดันอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ให้สูงขึ้น และทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ประสบปัญหาจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้น อ่านข่าวศก. แล้วเครียดๆก็ลองหาช่องทางการลงทุนกันดู แต่ก็ระวังอย่าไปตามพวกที่รับปั่นบาเชียวล่ะ อันนั้นเงินหายแน่ๆ